สายสัญญาณ คือ สายนำสัญญาณ เป็นตัวกลางในการนำสัญญาณ ถ้าสายสัญญาณดี การนำสัญญาณก็ดี ทำให้การรับส่งข้อมูลมีความเสถียร มีค่าความสูญเสีย (loss) น้อย ทำให้สัญญาณที่ได้นั้นมีคุณภาพดี มีประสิทธิภาพของสัญญาณ โดยสัญญาณที่เราพูดถึงคือ การนำสัญญาณอินเตอร์เน็ต และการนำสัญญาณข้อมูล อันได้แก่ สายแลน (LAN) สายไฟเบอร์ออฟติค (Fiber Optic) ที่เราใช้อินเตอร์เน็ตแบบ FTTx และสายสัญญาณกล้องวงจรปิด CCTV ซึ่งมีผลต่อความคมชัดของการบันทึกภาพวีดีโอวงจรปิดเป็นอย่างมาก
สำหรับสาย LAN (UTP) ถ้าเป็นตอนนี้ ในยุคใครๆก็ใช้ WI-FI แต่สายแลน ก็นำมาใช้ในการเชื่อมต่อกับ Access Point, HotSpot ที่ปล่อยสัญญาณ Wi-Fi หรือตามองค์กร ก็ยังมีการใช้สายแลนอยู่ ซึ่งสายแลนก็มีหลายแบบ เหมาะกับการรับส่งข้อมูลที่แตกต่างกัน สายแลนแบบ CAT 5E 350 MHz สายแบบ CAT 6, 600 MHz และล่าสุด สาย CAT 6A, 10G รองรับการรับส่งข้อความความเร็วสูง
สายสัญญาณที่ใช้งานเครื่องรับสัญญานดาวเทียม หรือเครื่องรับสัญญาณเสาอากาศ
สาย AV
COMPOSITE VIDEO สายสัญญาณภาพ เรียกว่าสาย AV ( Audio- Video) หรือ RCA ( Radio Corporation America ) ส่วนมากใช้สีเหลืองเป็นสายนำสัญญาณภาพ ที่รวมสัญญาณความสว่าง (Y=Luminance) กับสัญญาณสี (C=Chrominance) มี 2 แบบ คือ RCA แจ็คที่หัวแจ็คตัวผู้จะยาวยื่นออกมา และหัวอีกแบบเรียกว่า BNC แจ็คตัวผู้อยู่ด้านในและล็อคหัวได้ ส่วน สายสีแดง-ขาว เป็นสายสัญญาณเสียงขวาและซ้าย แบบอนาล็อก มาตรฐานทั่วไป สีขาวจะใช้แทนสัญญาณข้างซ้าย ( L ) สีแดงจะใช้แทนสัญญาณข้างขวา( R ) เป็นสายสัญญาณวีดีโอคุณภาพต่ำ
สาย Component
สาย Component จะ มีความ แตกต่างจากสาย AV คือสาย Component เป็นสายภาพเพียงอย่างเดียว แต่สาย AV ประกอบด้วยสายภาพแบบ Composite 1 เส้นและสายสัญญาณ เสียงช่องสัญญาณซ้าย 1 เส้น (Audio L) และขวา 1 เส้น (Audio R)
AV = Audio and Video ความหมายของคำว่า สายภาพ แบบ Component ก็หมายถึงสายจำนวน 3 เส้นที่รวมกันเป็น 1 ชุดเพื่อใช้สำหรับต่อสัญญาณภาพแบบ Component
สาย AV โดยทั่วไปที่ใช้สำหรับการต่อสัญญาณภาพ 1 เส้นและสัญญาณเสียง 2 เส้น
การต่อสายภาพจำนวน 3 เส้น (Component)จะต้องต่อสาย เข้าช่องต่อภาพทั้ง 3 ช่องต่อดังนี้
Y (สัญญาณความสว่าง ซึ่งจะ มีสัญญาณสีเขียวรวมมาด้วย)
Pb (สัญญาณสีน้ำเงิน)
Pr (สัญญาณสีแดง)
สาย S-Video
ย่อมาจาก Separate Video เป็นพอร์ตรับสัญญาณภาพจากวีดีโอแบบอะนาล็อก สนับสนุนภาพที่มีความละเอียด 480i หรือ 576i โดยสามารถแยกสัญญาณได้ออกเป็น 2 สัญญาณ คือ ความสว่างและสี ซึ่งคุณภาพของภาพที่ได้จะดีกว่าพอร์ต Composite/AV ปัจจุบัน สายแบบ S-Video นิยมใช้ในงานโปรเจคเตอร์
สาย D-Sub หรือ VGA
พอร์ต VGA หรือพอร์ต D-Sub เป็นพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อเพื่อรับสัญญาณภาพจากคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก ซึ่งเป็นการรับสัญญาณภาพแบบอะนาล็อก โดยส่วนใหญ่มักจะพบในสมาร์ททีวี, คอมพิวเตอร์ เป็นต้น สัญญาณที่ส่งออกมาจากพอร์ตนี้ ก็คือสัญญาณภาพ ที่ส่งจากคอมพิวเตอร์ไปยังจอภาพนั่นเอง โดยมีการใช้งานมานานแสนนาน ซักยี่สิบปีได้ ซึ่งได้นำเอามาแทน DE-9 ที่ใช้กันในจอโมโนโครม และจอสีในยุคแรกๆ โดยในจำนวน 15 ขาของ VGA นั้น มีขาที่จำเป็นเพียง 5 ขา คือสำหรับส่งสี 3 สี และสัญญาณบอกตำแหน่งแนวตั้งและแนวนอน ส่วนขาอื่นๆ นั้น จะเป็นกราวน์ (รวมถึงขา signal return) และขาสัญญาณสำหรับการสื่อสาร
สัญญาณภาพ 3 สี ที่ส่งไปที่จอภาพนั้น เป็นสัญญาณแบบ analog ซึ่งก็คือ ความสว่างของสีแต่ละจุด จะควบคุมโดยความต่างศักย์ไฟฟ้า เช่น ถ้ากำหนดไว้ว่า 0.7V เท่ากับความสว่างสูงสุด 0V คือต่ำสุด ค่าระหว่าง 0 ถึง 0.7 ก็คือระดับสีต่างๆ นั่นเอง
สาย DVI (Digital Visual Interface)
เป็นพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อเพื่อรับสัญญาณภาพจากคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก โดยเป็นการรับสัญญาณภาพแบบดิจิทัล ซึ่งจะให้ภาพมีความคมชัดมากกว่าพอร์ต VGA
DVI ซึ่งเริ่มเอาการส่งข้อมูลแบบ digital เข้ามาใช้ ทำให้ภาพที่ได้ชัดเจนมากขึ้น เพราะทนต่อสัญญาณรบกวนได้ดีกว่า
สาย HDMI
HDMI ย่อมาจาก High Definition Multimedia Interface ระบบการเชื่อมต่อสัญญาภาพและเสียงระบบดิจิตอลไว้ในสัญญาณเพียงเส้นเดียว ไม่จำเป็นต้องต่อสายสัญญาณหลายเส้น HDMI จะทำให้ภาพมีความคมชัด มีความละเอียดสูง และให้เสียงรอบทิศทางที่สมบูรณ์แบบที่สุด HDMI รองรับกับระบบเสียงดิจิตอล จุดประสงค์หลักของ HDML พัฒนามาเพื่อความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค และให้ความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ
คุณสมบัติเด่นๆ ของสาย HDMI
- ด้วยสายเส้นเดียวสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งภาพ เสียง และเน็ตเวิร์ค
- รองรับความละเอียดที่สูงขึ้น
- รองรับ Color Space ทำให้ภาพคมชัด สมจริงมากยิ่งขึ้น
เครื่องทดสอบสายสัญญาณ
CT100 CT40